ลองนึกภาพว่าคุณกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อยากเปิดเพลงโปรดขึ้นมา แต่แทนที่จะลุกไปหยิบมือถือ ก็พูดแค่ประโยคสั้น ๆ ว่า “เปิดเพลงแจ๊สให้หน่อย” แล้วเพลงก็ลอยออกมาจากลำโพงทันที ฟังดูสะดวกและล้ำสมัยใช่ไหมคะ นี่แหละคือสิ่งที่เราเรียกว่า Voice Assistant หรือผู้ช่วยอัจฉริยะที่ทำงานผ่านการสั่งงานด้วยเสียง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
แต่เมื่อมาถึงบริบทของประเทศไทย หลายคนคงสงสัยว่า แล้ว Voice Assistant ภาษาไทยใช้งานได้จริงแค่ไหน เพราะภาษาไทยมีความซับซ้อน ทั้งเสียงวรรณยุกต์ คำซ้อน และรูปแบบประโยคที่หลากหลาย มาดูกันค่ะว่าความจริงแล้วเทคโนโลยีนี้ตอบโจทย์คนไทยได้มากน้อยเพียงใด
Voice Assistant มีหลักการทำงานอย่างไร
Voice Assistant ก็คือโปรแกรมที่สามารถเข้าใจภาษาพูดของเรา และแปลงคำพูดเหล่านั้นเป็นคำสั่งเพื่อนำไปทำงานต่อ เช่น ค้นหาข้อมูล เปิดแอป ตั้งปลุก หรือแม้แต่ควบคุมอุปกรณ์สมาร์ทโฮม
เบื้องหลังการทำงานของผู้ช่วยเสียงนี้ใช้เทคโนโลยี Speech Recognition ที่จะแปลงเสียงพูดให้กลายเป็นข้อความ จากนั้นใช้ Natural Language Processing (NLP) วิเคราะห์ว่าเราต้องการอะไร และปิดท้ายด้วย Machine Learning ที่เรียนรู้จากข้อมูลการใช้งานเพื่อให้เข้าใจเราดีขึ้นเรื่อย ๆ
ตัวอย่างที่เราคุ้นเคยกันดีก็คือ Siri ของ Apple, Google Assistant ของ Google หรือ Alexa ของ Amazon ที่ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นกว่าเดิม
ภาษาไทยกับความท้าทายของ Voice Assistant
สิ่งที่ทำให้หลายคนตั้งคำถามคือ “ภาษาไทยมันไม่ง่ายเลย” และนั่นก็เป็นความจริง ภาษาไทยมีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากภาษาอังกฤษหรือภาษาที่ใช้กันแพร่หลาย เช่น
- เสียงวรรณยุกต์ ภาษาไทยมีถึง 5 เสียง ทำให้คำที่เขียนเหมือนกัน แต่เสียงต่างกันมีความหมายไม่เหมือนกัน เช่น ไม้ กับ ใหม่
- คำซ้อนและคำหลายพยางค์ การเว้นวรรค การเน้นเสียง ล้วนมีผลต่อการตีความ
- ประโยคไม่ตายตัว ภาษาไทยสามารถสลับลำดับคำได้ เช่น “ไปตลาดพรุ่งนี้” กับ “พรุ่งนี้ไปตลาด” ซึ่งทั้งคู่หมายถึงสิ่งเดียวกัน
เพราะเหตุนี้เอง การพัฒนา Voice Assistant ที่รองรับภาษาไทยจึงเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับนักพัฒนา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้

พัฒนาการของ Voice Assistant ภาษาไทยในปัจจุบัน
หากมองย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน Voice Assistant ภาษาไทยอาจยังไม่ค่อยตอบสนองได้แม่นยำเท่าไร บางครั้งสั่งงานแล้วไม่เข้าใจ หรือแปลงเสียงผิดพลาดจนได้ผลลัพธ์ตลก ๆ แต่ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไปมาก
- Google Assistant ภาษาไทย ปัจจุบันสามารถสื่อสารภาษาไทยได้ค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นการตั้งปลุก โทรออก หรือค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต แต่บางครั้งยังมีข้อจำกัดกับประโยคที่ซับซ้อนหรือคำที่ไม่เป็นมาตรฐาน
- Siri ภาษาไทย มีการพัฒนามากขึ้น แต่ยังไม่ยืดหยุ่นเท่าภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะคำสั่งที่ยาวหรือไม่ตรงตามรูปแบบที่ระบบเรียนรู้ไว้
- แอปพลิเคชันท้องถิ่น บางบริษัทไทยเริ่มพัฒนา Voice Assistant ของตัวเอง เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน เช่น การสอบถามบริการภาครัฐ หรือการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอัตโนมัติ
ใช้งานได้จริงหรือยัง
คำตอบคือ “ใช้งานได้จริง” แต่ยังมีข้อจำกัดพอสมควร หากใช้ในเรื่องง่าย ๆ อย่างการสั่งเปิดเพลง ตั้งนาฬิกาปลุก ส่งข้อความสั้น ๆ หรือถามสภาพอากาศ ระบบสามารถตอบสนองได้ดี แต่ถ้าเป็นคำสั่งที่ซับซ้อนเกินไป เช่น “หาตั๋วเครื่องบินไปเชียงใหม่ที่ถูกที่สุดในเดือนหน้า” หรือ “โอนเงินไปบัญชีเพื่อนแล้วส่งสลิปให้ทางไลน์” ระบบอาจยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์
ที่สำคัญ การใช้งานจริงยังต้องอาศัยการออกเสียงที่ชัดเจน และการใช้ภาษาที่เป็นกลางมากกว่าภาษาพูดในชีวิตประจำวัน เช่น หากเราพูดเร็วเกินไป ใช้คำกำกวม หรือมีสำเนียงถิ่น ระบบอาจตีความผิดได้ง่าย
โอกาสและศักยภาพของ Voice Assistant ภาษาไทย
แม้จะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่อนาคตของ Voice Assistant ภาษาไทยก็น่าสนใจอย่างมาก เพราะเทคโนโลยี AI กำลังก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะด้านการประมวลผลภาษาและเสียง
- ภาคธุรกิจ Voice Assistant สามารถช่วยให้บริการลูกค้าได้เร็วขึ้น เช่น ธนาคารที่ให้ลูกค้าโอนเงินหรือเช็กยอดผ่านการพูดคุยกับผู้ช่วยเสียง
- ภาครัฐ หน่วยงานต่าง ๆ สามารถใช้เพื่ออำนวยความสะดวก เช่น ระบบสอบถามข้อมูลสิทธิ์สวัสดิการ หรือแจ้งเตือนบริการสำคัญ
- การศึกษา นักเรียนสามารถถามการบ้านหรือค้นหาความรู้ด้วยเสียงแทนการพิมพ์
- สมาร์ทโฮม การสั่งงานอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้านด้วยภาษาไทย เช่น เปิดไฟ ปรับอุณหภูมิแอร์ หรือเปิดทีวี ก็จะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคตอันใกล้
ความท้าทายที่ต้องแก้ไข
แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่ต้องพัฒนาเพื่อให้ Voice Assistant ภาษาไทยใช้งานได้อย่างราบรื่น
- ความแม่นยำของการฟังเสียง ต้องพัฒนาให้ระบบเข้าใจสำเนียงไทยที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นภาคเหนือ อีสาน หรือใต้
- การเข้าใจบริบท ปัจจุบันระบบยังไม่เข้าใจประโยคซับซ้อนหรือภาษาพูดที่ไม่เป็นทางการ
- ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การที่ Voice Assistant ฟังเสียงตลอดเวลาอาจทำให้ผู้ใช้กังวลเรื่องข้อมูลส่วนตัว จึงต้องมีมาตรการปกป้องข้อมูลที่รัดกุม
Voice Assistant ภาษาไทยใช้งานได้จริงหรือไม่ คงตอบได้ว่า “ใช่” แต่ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อย ระบบทำงานได้ดีในงานพื้นฐาน เช่น การค้นหา เปิดเพลง หรือสั่งงานง่าย ๆ แต่ยังมีข้อจำกัดเมื่อเจอกับประโยคซับซ้อน สำเนียงหลากหลาย หรือคำสั่งที่ต้องเชื่อมโยงหลายขั้นตอน
หากมองไปข้างหน้า ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ AI และ Machine Learning รวมถึงความสนใจจากทั้งบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกและผู้พัฒนาในไทย เราอาจจะได้เห็น Voice Assistant ภาษาไทยที่ฉลาดขึ้น ใช้งานได้ใกล้เคียงภาษาอังกฤษ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันในอนาคตอันใกล้