เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีดาวโจนส์ (Dow Jones Industrial Average) ดีดตัวขึ้นกว่า 225 จุด ท่ามกลางบรรยากาศทางการเมืองที่เข้มข้น ปรากฏการณ์นี้สร้างความสับสนให้นักลงทุนไม่น้อย เพราะในวันเดียวกันนั้น มีข่าวใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็น “ข่าวร้าย” ต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่ตลาดหุ้นกลับ “ขานรับ” ในเชิงบวก
คำถามคือ ทำไมตลาดหุ้นถึง “ดีใจ” ในวันที่อำนาจของประธานาธิบดีกำลังถูกท้าทายในศาลสูงสุด?
คำตอบไม่ได้อยู่ที่ตัวบุคคล แต่อยู่ที่ “นโยบาย” ครับ บทความนี้จะเจาะลึกว่าทำไมการที่ศาลฎีกาสหรัฐฯ อาจเพิกถอนนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ จึงเป็น “ข่าวดี” ที่สุดในรอบหลายปีสำหรับบริษัทที่จดทะเบียนในดัชนีดาวโจนส์ และนั่นคือเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ตลาดดีดตัวขึ้น
ทำไมตลาดหุ้น “รัก” ข่าวนี้ ถอดรหัสความกังขาของผู้พิพากษา
สิ่งที่ทำให้ดาวโจนส์พุ่งขึ้น ไม่ใช่ตัวคดี แต่เป็น “ท่าที” ของผู้พิพากษาในศาลฎีกาในวันไต่สวน

รายงานข่าวจากสื่อหลายสำนัก (เช่น The Guardian, SCOTUSblog) ตรงกันว่า ผู้พิพากษาในศาลฎีกา แสดงความกังขา (Skepticism) อย่างชัดเจน ต่อตรรกะของฝั่งรัฐบาลทรัมป์ และที่สำคัญคือ ความกังขานี้ไม่ได้มาจากแค่ผู้พิพากษาสายเสรีนิยม แต่ยังมาจากผู้พิพากษาสายอนุรักษนิยมด้วย
- ประธานศาลฎีกา จอห์น โรเบิร์ตส์ (สายอนุรักษนิยม): ตั้งคำถามอย่างหนักแน่นว่า การที่รัฐบาลอ้างอำนาจในการ “กำหนดภาษีใดก็ได้ จากประเทศใดก็ได้ ในอัตราเท่าใดก็ได้ นานเท่าใดก็ได้” ดูเหมือนจะเป็น “อำนาจที่ใหญ่มาก” และอาจเข้าข่ายละเมิด “หลักการคำถามสำคัญ” (Major Questions Doctrine) ซึ่งระบุว่านโยบายที่ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจและการเมือง ต้องได้รับการอนุมัติอย่างชัดเจนจากสภาคองเกรส
- ผู้พิพากษา เบรตต์ คาวานอห์ (สายอนุรักษนิยม): ชี้ว่าในอดีต ไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดใช้ IEEPA ในลักษณะนี้มาก่อน
ตลาดตีความอย่างไร?
เมื่อนักลงทุนสถาบันและกองทุนขนาดใหญ่ เห็นท่าทีที่ “กังขา” อย่างชัดเจนจากผู้พิพากษา โดยเฉพาะสายอนุรักษนิยม พวกเขาก็ “ตีความ” ทันทีว่า โอกาสที่รัฐบาลทรัมป์จะ “แพ้คดี” และนโยบายภาษีศุลกากรนี้จะถูก “เพิกถอน” นั้น มีสูงมาก
ตลาดพนันถูกกฎหมายอย่าง Kalshi และ Polymarket ได้ปรับลดอัตราต่อรองที่ทรัมป์จะชนะคดีนี้ลงอย่างฮวบฮาบในระหว่างการไต่สวน
นี่คือเหตุผลที่ดาวโจนส์พุ่งครับ ตลาดไม่ได้กำลัง “ต้านทรัมป์” แต่ตลาดกำลัง “ขานรับ” โอกาสที่นโยบายภาษีซึ่งเป็น “ฝันร้าย” ของเศรษฐกิจกำลังจะถูกยกเลิก
เดิมพันครั้งใหญ่ จะเกิดอะไรขึ้นหากศาลฎีกาล้มภาษีทรัมป์จริง
การที่ตลาดดีใจไปล่วงหน้าขนาดนี้ สะท้อนว่าผลประโยชน์มหาศาลกำลังรออยู่หากศาลตัดสินเช่นนั้นจริง
ผลดีต่อเศรษฐกิจ (The “Good”)
- เงินเฟ้อลดลงทันที การวิเคราะห์จาก Macquarie (Source 5.2) ชี้ว่า การยกเลิกภาษี IEEPA จะนำไปสู่ “ภาวะเงินเฟ้อลดลงอย่างมีระเบียบ” (Disinflation)
- ธนาคารกลาง (เฟด) อาจลดดอกเบี้ย เมื่อเงินเฟ้อลดลง ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ก็จะมีช่องว่างในการ “ลดอัตราดอกเบี้ย” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับตลาดหุ้น
- ต้นทุนธุรกิจลดลง บริษัทต่างๆ จะมีกำไรเพิ่มขึ้นทันทีจากการที่ต้นทุนนำเข้าลดลง
- การค้าโลกฟื้นตัว ความตึงเครียดทางการค้าจะผ่อนคลายลงทันที

ผลกระทบด้านการคลัง (The “Bad” – ตามมุมมองรัฐบาล)
- การคืนเงินภาษีมหาศาล นี่คือประเด็นใหญ่ที่สุด รัฐบาลอาจต้อง “คืนเงิน” ภาษีที่เก็บไปแล้วทั้งหมดให้กับผู้นำเข้า ตัวเลขประเมินมีตั้งแต่ 1 แสนล้านดอลลาร์ ไปจนถึง 7.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่องบประมาณของรัฐบาลอย่างรุนแรง
- ทรัมป์เตือนถึงหายนะ ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาเตือนว่า หากศาลล้มนโยบายนี้ จะเป็น “หายนะ” และทำให้ประเทศ “ไร้เครื่องมือป้องกัน”
บทสรุป ตลาดหุ้นไม่เลือกข้าง แต่เลือก “นโยบาย”
การที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด ในวันที่ดูเหมือนประธานาธิบดีกำลังเพลี่ยงพล้ำในศาล ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่การเลือกข้าง
แต่มันคือการพิสูจน์หลักการพื้นฐานของตลาดทุนว่า: ตลาดหุ้นไม่สนใจตัวบุคคล แต่สนใจ “นโยบายเศรษฐกิจ”
- หุ้น $DJT (Trump Media): อาจขึ้นลงตาม “ศรัทธา” และ “แรงสนับสนุนทางการเมือง” (ดังที่เราเคยวิเคราะห์ในบทความก่อน)
- ดัชนี Dow Jones (ตลาดรวม): ขึ้นลงตาม “ผลกำไร” และ “พื้นฐานเศรษฐกิจมหภาค”
การดีดตัวขึ้นครั้งนี้ คือการที่นักลงทุนสถาบันทั่วโลกตะโกนพร้อมกันว่า พวกเขา “ยินดี” กับการสิ้นสุดของนโยบายที่สร้างเงินเฟ้อ, บิดเบือนต้นทุน และสร้างความไม่แน่นอนทางการค้า มันคือการเดิมพันว่า “เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ” กำลังจะกลับคืนมา และนั่นคือสิ่งที่ดัชนีดาวโจนส์ต้องการครับ

