ยาคุมฉุกเฉินเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ถูกนำมาใช้ในกรณีฉุกเฉินเพื่อลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์ หลายคนอาจเคยได้ยินคำเตือนว่า “ห้ามใช้ยาคุมฉุกเฉินเกินสองครั้งในชีวิต” เนื่องจากอาจส่งผลข้างเคียงและมีความอันตรายสูง คำเตือนนี้เป็นจริงมากน้อยเพียงใด และวิธีใช้ยาคุมฉุกเฉินอย่างปลอดภัยมีอย่างไร บทความนี้จะมอบคำตอบให้กับคุณ
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดเป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยการใช้ฮอร์โมนเพื่อยับยั้งกระบวนการปฏิสนธิ ฮอร์โมนที่ใช้มีสองรูปแบบหลัก ได้แก่ ฮอร์โมนเดี่ยว (โปรเจสเตอโรน) และฮอร์โมนรวม (เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน) ซึ่งมาในหลายรูปแบบ เช่น ยากิน แผ่นแปะ ห่วงที่ใส่ในช่องคลอด ห่วงอนามัยที่ใส่ในโพรงมดลูก ยาฉีด และยาฝัง
กลไกการทำงานของยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดทำงานโดย
- ยับยั้งการตกไข่ เมื่อไม่มีการตกไข่ จะไม่มีโอกาสเกิดการปฏิสนธิ
- ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว อสุจิไม่สามารถผ่านไปปฏิสนธิกับไข่ได้ง่าย
- ทำให้ผนังโพรงมดลูกบางลง การฝังตัวของตัวอ่อนเป็นไปได้ยาก
ยาคุมฉุกเฉินมีทั้งแบบใช้ฮอร์โมนเดี่ยวและฮอร์โมนรวม ซึ่งมีปริมาณฮอร์โมนที่สูงกว่ายาคุมกำเนิดปกติ วัตถุประสงค์หลักคือการใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือการคุมกำเนิดล้มเหลว เช่น ถุงยางอนามัยหลุดหรือขาด
ประเภทของยาคุมกำเนิด
ยาคุมกำเนิดที่ใช้ฮอร์โมนเดี่ยว
- ยากิน กินวันละ 1 เม็ด ต่อเนื่องทุกวัน หนึ่งแผงมี 28 เม็ด
- ยาฉีด ฉีดทุก 3 เดือน
- ยาฝัง ฝังที่แขน คงประสิทธิภาพ 3-5 ปี
- ห่วงคุมกำเนิด ใส่ในโพรงมดลูก มีระยะเวลาคงประสิทธิภาพ 5 ปี
ยาคุมกำเนิดที่ใช้ฮอร์โมนรวม
- ยากิน กินวันละ 1 เม็ด ต่อเนื่อง หนึ่งแผงมี 21-24 เม็ด และยาเม็ดแป้งอีก 4-7 เม็ด
- แผ่นแปะ ใช้แปะทุก 3 สัปดาห์ เว้น 1 สัปดาห์
- ห่วงใส่ช่องคลอด ใส่ 3 สัปดาห์ เว้น 1 สัปดาห์
ยาคุมกำเนิดยังถูกนำมาใช้เพื่อบรรเทาอาการจากโรคทางนรีเวช เช่น ช่วยลดอาการปวดประจำเดือนและชะลอการเจริญของโรคบางชนิด
ยาคุมฉุกเฉิน ข้อเท็จจริงและความเข้าใจผิด
ยาคุมฉุกเฉินห้ามใช้เกิน 2 ครั้งในชีวิตจริงหรือ
คำเตือนนี้ไม่เป็นความจริง ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้เป็นอันตรายหากใช้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม ควรใช้ในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำกว่ายาคุมกำเนิดปกติ และไม่ควรใช้เป็นวิธีการคุมกำเนิดหลัก
ผลข้างเคียงของยาคุมกำเนิด
- ยาคุมที่ใช้ฮอร์โมนเดี่ยว อาจทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอย
- ยาคุมที่ใช้ฮอร์โมนรวม อาจทำให้คลื่นไส้ อาเจียน แต่ช่วยลดปัญหาเลือดออกกะปริบกะปรอยได้
แนวทางการคุมกำเนิดที่แนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม
การเลือกวิธีคุมกำเนิดควรพิจารณาจาก
- ระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิด เช่น ระยะสั้น 1-2 ปี หรือระยะยาวมากกว่า 3 ปี
- พฤติกรรมการใช้ยา หากมักลืมกินยา ควรเลือกวิธีที่ไม่ต้องกินยาทุกวัน
- ราคา ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับงบประมาณ
- ผลข้างเคียง ควรพิจารณาถึงผลข้างเคียงของแต่ละวิธีและเลือกวิธีที่ส่งผลต่อสุขภาพน้อยที่สุด
ตัวเลือกการคุมกำเนิดที่หลากหลาย
- ยาคุมกำเนิดแบบยากิน เหมาะสำหรับผู้ที่มีวินัยในการกินยา เหมาะสำหรับการคุมกำเนิดระยะสั้น
- ยาคุมกำเนิดแบบยาฉีด ราคาถูก แต่หลังหยุดฉีดอาจต้องรอ 6 เดือนก่อนจะตั้งครรภ์ได้
- ยาคุมกำเนิดแบบห่วงใส่ในโพรงมดลูก เหมาะสำหรับการคุมกำเนิดระยะยาว มีทั้งแบบห่วงที่มีตัวยาฮอร์โมนและห่วงทองแดง
- ยาคุมกำเนิดแบบแผ่นแปะและห่วงใส่ในช่องคลอด เหมาะสำหรับผู้ที่มักลืมกินยา
- ยาคุมกำเนิดแบบฝัง เหมาะสำหรับการคุมกำเนิดระยะยาว ไม่ต้องการมีบุตรในช่วงเวลาหลายปี
สรุป ยาคุมฉุกเฉินความปลอดภัยและวิธีใช้
ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้เป็นอันตรายหากใช้ในกรณีฉุกเฉินจริงๆ แต่เนื่องจากประสิทธิภาพที่ต่ำกว่ายาคุมกำเนิดชนิดอื่นๆ แพทย์จึงไม่แนะนำให้ใช้เป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับคุณ