ในยุคที่ใคร ๆ ก็พูดถึง Work-Life Balance เหมือนเป็นสูตรชีวิตที่ทุกคนควรมี แต่สำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่มุ่งมั่นจะเติบโตในหน้าที่การงาน หวังตำแหน่งสูงขึ้น หรือเพิ่มรายได้ให้ตัวเองเร็วที่สุด สูตรนี้อาจไม่ใช่คำตอบที่ตรงเป้าหมายเสมอไป แน่นอนว่า Work-Life Balance คือแนวคิดที่ช่วยรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและงาน ลดความเครียดและเพิ่มความสุขระยะยาว แต่ถ้าเป้าหมายของคุณชัดเจนว่า “อยากโตไว ได้เลื่อนขั้น และเงินเดือนขยับขึ้นเร็ว” การทำงานแบบเนิบ ๆ ตามเวลางานทั่วไป อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญที่แซงหน้าคนอื่นไม่ได้
ในโลกการแข่งขัน คนที่ได้มากกว่า มักทำมากกว่า
ลองสังเกตคนที่ประสบความสำเร็จในองค์กร หรือเจ้าของธุรกิจที่เติบโตเร็ว พวกเขามักมีจุดร่วมคือ “โฟกัสหนัก” และ “ทำเกินขอบเขตที่ระบบวางไว้” คนที่มองว่าหน้าที่ของตัวเองคือแค่ตาม JD (Job Description) มักถูกแทนที่ได้ง่าย ในขณะที่คนที่มองภาพรวม คิดเกินงาน และลงมือช่วยแก้ปัญหาโดยไม่รอคำสั่ง จะเป็นคนที่เจ้านายไว้ใจและดันขึ้นก่อนเสมอ
Work-Life Balance กับ Work-Life Trade-off ต่างกันตรงไหน
คำว่า Balance คือการพยายามให้ชีวิตทั้งสองด้านเท่ากัน เช่น ทำงาน 8 ชั่วโมง แล้วพักอีก 8 ชั่วโมง แต่ในโลกจริง บางช่วงคุณต้อง “เทน้ำหนัก” ไปด้านใดด้านหนึ่งให้มากกว่า โดยเฉพาะช่วงที่มีโอกาสดีเข้ามา เช่น ได้ทำโปรเจกต์ใหญ่ หรือร่วมทีมกับผู้บริหารโดยตรง คนที่มุ่งมั่นจะโตเร็วต้องพร้อมเทเวลาและแรงไปกับโอกาสนั้นแม้จะเหนื่อยเกิน 100%
ไม่มีใครได้ทั้งหมดพร้อมกัน ต้องเลือกสิ่งที่ต้องมาก่อน
อยากสุขภาพดี มีเวลาให้ครอบครัว และโตไวในหน้าที่พร้อมกันได้หรือไม่? คำตอบคือได้ แต่ไม่ใช่ในเวลาเดียวกันทั้งหมด คุณต้องเลือกลำดับว่าตอนนี้อะไรสำคัญที่สุด ถ้าปีนี้คุณอยากให้รายได้ก้าวกระโดด คุณอาจต้องยอมพักความสะดวกสบายในชีวิตไว้ก่อน เพื่อลงแรงกับสิ่งที่สร้างผลตอบแทนสูงกว่าคนทั่วไป
มุมมองจากฝ่ายบริหาร
จากมุมของผู้บริหารระดับสูง คนที่โปรโมตขึ้นไปมักไม่ใช่คนที่ทำแค่ตามหน้าที่ แต่คือคนที่พร้อม “เข้ามาแทน” ในยามฉุกเฉิน หรือดันทีมไปข้างหน้าเมื่อเกิดวิกฤต คนเหล่านี้สร้าง Impact ได้ชัด มีความรับผิดชอบสูง และยอม “แลก” ความสบายส่วนตัวเพื่อผลประโยชน์รวมของทีม ถ้าคุณทำแบบนี้ได้ต่อเนื่อง โอกาสเลื่อนตำแหน่งหรือเพิ่มเงินเดือนไม่ไกลเกินจริง
Work-Life Balance ยังสำคัญ แต่ต้องปรับตามจังหวะเป้าหมายชีวิต
ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องลืมครอบครัว หรือละเลยสุขภาพตัวเองไปตลอด แต่ต้องเข้าใจจังหวะชีวิตว่า ถ้าตอนนี้เป้าหมายของคุณคือขึ้นตำแหน่ง หรือรายได้ทะลุแสน คุณต้องกล้าขยับสมดุลชีวิตไปทาง “Work Harder” ในช่วงหนึ่ง แล้วค่อยดึงกลับมาตอนที่ถึงจุดมั่นคงหรืออยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจต่อรองมากขึ้นแล้ว
สรุปเนื้อหาของบทความ
Work-Life Balance ไม่ได้ผิด แต่ก็ไม่เหมาะกับทุกเป้าหมาย โดยเฉพาะคนที่ต้องการเติบโตเร็ว มีรายได้เพิ่มแบบก้าวกระโดด การยอมทำมากกว่าคนอื่น คิดเกินงาน และเทใจให้โอกาสที่เข้ามาในช่วงสำคัญ คือพฤติกรรมของคนที่พร้อมพัฒนาเร็วกว่าใคร ดังนั้น ถ้าเป้าหมายของคุณใหญ่พอ ก็ต้องพร้อมที่จะ “ยอมแลก” บางอย่างก่อน แล้วความสมดุลจะกลับมาในรูปแบบที่ดีกว่าในอนาคต
